วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

เที่ยวสเปนดินแดนแห่งอารยธรรม


เที่ยวเมืองหลวงในสเปน จะกล่าวถึงเมือง มาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน เป็นเมืองที่สำคัญในประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว ถ้าไปเที่ยวสเปนแล้วไม่ได้ท่องเที่ยวเมืองแห่งนี้ก็คงจะเป็นที่น่าเสียดาย

หากได้เข้ามาเมืองมาดริดแล้วไปเข้าชม โบสถ์อัลมูเดนา Almudena Cathedral ซึ่งอยู่ตรงข้ามพระราชวังเรียล ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของกษัตริย์ในสมัยก่อน ปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และได้มาพบแหล่งอารยธรรมของประเทศสเปน อย่าง ประตูเมืองอัลคาลา Puerta de Alcalá อนุสรณ์สถานของเมืองหลวง

หากได้นั่งรถรอบเมืองหลวงไปเรื่อยๆก็จะผ่าน ตึกเมโทรโปลิส สำนักงานธุรกิจที่มีการออกแบบผสมผสานแบบสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นตึกที่โดดเด่นในใจกลางเมืองมาดริดของประเทศสเปน จากนั้นทานอาหารกลางวัน อาหารพื้นเมืองของประเทศสเปน

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

สะพานชาร์ลส์แห่งแม่น้ำวัลตาวา


สะพานชาร์ลส์ทอดตัวข้ามแม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) ในกรุงปรากและสะพานได้เชื่อมต่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างยุโรปตะวันออกและตะวันตก ตัวสะพานดั้งเดิมเคยถูกขนานนามว่า สะพานหิน หรือ สะพานแห่งกรุงปรากแต่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “สะพานชาร์ลส์” “Charles Bridge” เมื่อปี ค.ศ. 1870

สะพานชาร์ลส์มีความยาวทั้งสิ้น 516 เมตร มีตอม่อ16 ต้นและหอสะพานสามแห่ง หนึ่งในจำนวนหอสะพานคือหอสะพานเมืองเก่า (Old Town Bridge Tower) ที่ได้รับการพิจารณายกย่องให้เป็นหอสะพานที่สวยที่สุดในยุโรปเพราะการตกแต่งผลงานการปั้นแกะสลักหรือรูปหล่อโลหะของบรรดานักบุญที่เรียงรายไปตามแนวสะพานที่สวยงาม ตลอดทางบนสะพานชาร์ลส์แห่งนี้ยังสามารถมองเห็นได้จากดาดฟ้าของหอคอยสะพานเพื่อชื่นชมกับสุดยอดของแสงแห่งพระอาทิตย์ตอนเช้าอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

มหาวิหารเซนต์วิตัส วิหารกระจกสีตระการตา ตรึงใจ 2


นอกจากวามงดงามของโบสถ์ในมหาวิหารเซนต์วิตัสนี้คือ เป็นที่ๆบรรจุหลุมฝังศพของมหาวิหาร เวนเชสลาส ได้กลายเป็นสถานที่เพื่อการแสวงบุญ และแสดงออกถึงวิถีของชาวคริสต์ศาสนจักร

ห้องโถงที่ใช้ในการจัดพิธีฉลองเศวตฉัตรทั้งมงกุฏฉัตรในยุคสมัยโบฮีเมียนห้องใต้ดินของมหาวิหารเซนต์วิตัสใช้เป็นสุสานของพระราชวงศ์ส่วนใหญ่ทั้งกษัตริย์ และราชินีของยุคโบฮีเมียนซึ่งเป็นที่พักผ่อนที่สุดท้ายชั่วกาลนาน

หากท่านใดต้องการชมความสวยงามของทิวทัศน์ได้รอบตัวเมืองก็จะต้องปีนขึ้นไปบนหอคอยของมหาวิหารเซนต์วิตัสกันเลยทีเดียว และนักท่องเที่ยวก็จะยังได้ชมการทำงานของนาฬิกา หอระฆังซิกิสมันด์ (Sigismund Bell) เป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในยุคสมัยโบฮีเมียน อีกด้วยค่ะ

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557

มหาวิหารเซนต์วิตัส วิหารกระจกสีตระการตา ตรึงใจ 1


มหาวิหารเซนต์วิตัส ได้สร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์นั้นต้องใช้เวลาเกือบ 6 ศตวรรษ ตกแต่งด้วยรูปแบบ โกธีก บาร็อก และประดับด้วยพลอยหิน ที่มีความแวบวาวสวยงาม

ภายในมหาวิหารเซนต์วิตัส จะตกแต่งไปด้วยลวดลายของกระจกสีที่สวยงามตามโถงต่างๆ เมื่อผ่านเข้าทางประด้านทิศตะวันตกของประตูมหาวิหารยอดแหลมของหลังคามหาวิหารเซนต์วิตัส มีความสง่างามโดยการที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างสไตล์โกธีก ฝรั่งเศสที่ลอยสูงอยู่เหนือเชิงเทิน

มหาวิหารเซนต์วิตัสแห่งนี้เป็นโบสถ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศด้วยการประกอบไปด้วยจำนวนของโบสถ์เล็กๆอยู่อย่างมากมายและภาพเขียนบนผนังและศิลาหน้าหลุมศพมากมาย

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

เที่ยวเมืองแห่งความรัก ณ กรุงปราก 2


มาเมืองปรากแล้วขาดไม่ได้คือการได้ไปชมแหล่งท่องเที่ยวของเมืองปราก เช่น สะพานชาร์ลส์จัตุรัสเมืองเก่าและหอนาฬิกาดาราศาสตร์ ปราสาทปราก จัตุรัสเวนเซสลาซอีกแห่งได้แก่ อาคารที่ทำการเทศบาลที่มีคอนเสิร์ตฮอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก และสร้างด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจง

และหากคนไหนชอบความโรแมนติก นอกจากสะพานชาร์ลส์แล้ว ขอแนะนำ คือที่วิเชฮราด เป็นสถานที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวจะไม่มีมากนัก เนื่องจากไม่ได้อยู่บริเวณใจกลางเมือง

ชมสุสาน โบสถ์ เดินเล่นในสวนกับบรรยากาศโรแมนติก ชมการแสดงที่โรงละคร The Estates ซึ่งเป็นโรงละครที่สวยงามและได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และด้วยความที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก คุณจะรู้สึกเหมือนกับคุณนั่งอยู่ในกล่องเพลงเลยทีเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

เที่ยวเมืองแห่งความรัก ณ กรุงปราก 1


เมืองปรากนั้นมีหลักฐานว่าสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 9และเป็นเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมียและกรุงปรากได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งปราสาทร้อยยอด เมืองแห่งทองคำ เมืองสุดยอดอารยธรรม

เมืองปรากเป็นหัวใจแห่งยุโรปเป็นเมืองที่สวยงามและแสนจะโรแมนติก เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามเกินบรรยาย มีสวนที่เงียบสงบ มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม อีกทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่โดดเด่นถนนสายคดเคี้ยว รวมทั้งทัศนียภาพที่ขึ้นชื่อ อาทิเช่น สะพานชาร์ลส์จัตุรัสเมืองเก่า ปราสาทปราก และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 1992

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

สภาพอากาศของฝรั่งเศส


อากาศของประเทศฝรั่งเศส จะแบ่งเป็น 4 ฤดู ดังนี้ ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 25 ถึง 35 องศา ร้อนสุดเดือนสิงหาคม ฤดูใบไม่ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อุณหภูมิเฉลี่ย 10 ถึง 20 องศา ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ย 10 ถึง -7 องศา หนาวสุดเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 10 ถึง 18 องศา

นครปารีสในประเทศฝรั่งเศสอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 12 องศาเซลเซียส แต่อาจจะไม่แน่นอนเสมอไป เพราะบางครั้งในกรุงปารีส ก็จะมีฝนตกตลอดทั้งปีหรือบางครั้งถ้าเป็นฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิต่ำลงถึงประมาณ 3 องศาเซลเซียส เลยก็ได้คะ

การเดินทางไปเมืองปารีสประเทศฝรั่งเศส ต้องเตรียมเสื้อผ้าไว้หลากหลายรูปแบบ พร้อมรับมือกับสภาพอากาศของฝรั่งเศสกันด้วยนะคะ